“น้ำผึ้ง” ไม่ได้ให้เเค่ความหวานนะ

#น้ำผึ้ง เป็นผลผลิตจากน้ำหวานเกสรดอกไม้ ที่ผึ้งนำมาเก็บสะสม และผ่านกระบวนการทางธรรมชาติภายในรังผึ้ง จนกลายเป็น น้ำผึ้ง รสหวานจากธรรมชาติ ซึ่งนอกจากจะนำมาปรุง เป็นส่วนผสมของทั้งเมนูคาว เมนูหวาน
และเครื่องดื่ม ให้มีรสชาติหอมอร่อยแล้ว ยังมีประโยชน์และสรรพคุณในด้านอื่นๆ อีกมากมาย ดังนี้

#แก้เจ็บคอ และแก้อาการไอ
โดยจะเห็นผลดีที่สุดในเด็กอายุ 2 ปีขึ้นไป ซึ่งมีงานวิจัยได้กล่าวว่าน้ำผึ้งมีสรรพคุณเทียบเท่ากับยาแก้ไอเดกซ์โทรเมทอร์แฟน (Dextromethorphan) และรสหวานของน้ำผึ้งยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการหลั่งน้ำลาย ทำให้รู้สึกชุ่มคอ บรรเทาอาการไอและเจ็บคอได้เป็นอย่างดี นี่เป็นสาเหตุให้ยาอมแก้เจ็บคอหรือแก้ไอหลายๆ ยี่ห้อ เลือกใช้น้ำผึ้งเป็นส่วนผสมหลักครับ

#ช่วยดีท็อกซ์ร่างกาย น้ำผึ้งมีคุณสมบัติช่วยลดอาการท้องผูกอีกด้วย เพราะมีแบคทีเรียชนิดดี ที่ชื่อว่า “โพรไบโอติกส์” และ “แลคโตบาซิลัส” ที่มีส่วนช่วยให้ลำไส้แข็งแรง สามารถขับถ่ายได้เป็นปกติ และดียิ่งขึ้น ยิ่งถ้าทานคู่กับกล้วยน้ำว้าสุก มันต้มสุก หรือนำมาผสมน้ำอุ่นดื่มก่อนนอนและหลังตื่นนอน รับรองเลยว่าถ่ายง่ายสบายท้องแน่นอนครับ

#ช่วยรักษาโรคกระเพาะ น้ำผึ้งมีฤทธิ์ช่วยสมานแผลทั้งภายในและภายนอกร่างกาย จึงสามารถรักษาแผลในกระเพาะอาหารของผู้ป่วยโรคกระเพาะได้เป็นอย่างดี และยังมีฤทธิ์ช่วยลดอาการติดเชื้อโรคหรือแบคทีเรียในกระเพาะอาหารได้อีกด้วยครับ

#แก้อาการนอนไม่หลับ
น้ำผึ้งจะให้ความหวานต่อร่างกาย ซึ่งจะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตอินซูลิน (Insulin) และหลั่งเซโรโทนิน (Serotonin) หรือที่เรียกว่าสารแห่งความสุขออกมา จากนั้นเซโรโทนินจะเปลี่ยนตัวเองเป็นเมลาโทนิน (melatonin) สารที่จะทำให้เกิดความง่วง ทำให้นอนหลับได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมถึงหลับสนิทยิ่งขึ้นด้วยครับ

#บรรเทาอาการแพ้อากาศ น้ำผึ้งเหมาะกับผู้ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ เนื่องจากมีฤทธิ์คล้ายกับสารต้านการอักเสบ ยิ่งถ้าเป็นน้ำผึ้งที่มาจากดอกไม้ มักจะมีอนุมูลจากละอองเกสรขนาดเล็กอยู่เยอะ ซึ่งอนุมูลเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น และยังส่งผลให้ร่างกายหลั่งสารฮีสตามีน (Histamine) สารที่ทำให้เกิดอาการปวด คัด แดง น้ำมูกไหล น้อยลงครับ

ขอบคุณที่มาดีๆ : festforfood.com