การดูแลผู้สูงวัยด้วยหลัก 6 อ.

ในช่วงนี้ที่มีการแพร่ระบาดของเจ้าเชื้อไวรัสโควิด-19 เชื่อว่าหลายคนนั้นหันมาดูแลสุขภาพและความสะอาดกันมากขึ้นอย่างแน่นอน แต่วันนี้เราอยากให้ทุกคนเอาใจใส่ กับการดูแลผู้สูงวัยในช่วงสถานการณ์แบบนี้ให้ดี เพราะผู้สูงวัยจัดว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ที่ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะมีภูมิคุ้มกันต่ำ
โดยเฉพาะผู้มีโรคประจำตัว จะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย

ดังนั้นเราไปดู “การดูแลผู้สูงวัยด้วยหลัก 6 อ.” กันเลย

เริ่มต้นกับ อ. 1 ก็คือ “ออกกำลังกาย”
แน่นอนว่าการออกกำลังกายนั้นช่วยให้สุขภาพและร่างกายของเราแข็งแรง แต่สำหรับผู้สูงอายุก็ควรระมัดระวัง ออกกำลังกายให้มีความเหมาะสมกับร่างกาย อย่าหักโหมจนเกินไป ออกกำลังกายแต่พอดี เช่น แกว่งแขน รำมวยจีน โยคะ ลีลาศ บาสโลบ หรือทำสวนก็ได้เช่นกัน และควรอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทด้วยนะ
ต่อมากับ อ. 2 “อาหาร”
ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อเพิ่มสารอาหารและวิตามินให้กับร่างกาย ลดอาหารรสจัด หวาน มัน เค็ม จะได้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ นอกจากนี้สำหรับผู้สูงวัยก็ต้องดูแลรักษาฟันให้แข็งแรงด้วย

อ. 3 “เอนกายพักผ่อน”
การพักผ่อนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้สูงอายุ ผู้สูงวัยควรนอนประมาณ 7-8 ชั่วโมง และควรนอนก่อน 22 นาฬิกา เพื่อให้ฮอร์โมนการเจริญเติบโต (growth hormone) หลั่งออกมาเพื่อซ่อมแซมกล้ามเนื้อ และไม่ควรนอนหลับช่วงกลางวัน เพราะอาจทำให้กลางคืนนอนไม่หลับหรือหลับยาก แต่ถ้าหากง่วงมาก ๆ หรือรู้สึกเพลีย สามารถนอนหลับเป็นคาบสั้น ๆ ประมาณ 10-20 นาที เพื่อให้สมองปลอดโปร่ง รู้สึกกระปรี้กระเปร่า กระฉับกระเฉง และช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าได้
อ.4 “อารมณ์ดี”
การที่ผู้สูงวัยมีอารมณ์ดีก็จะช่วยเสริมสร้างให้มีสุขภาพจิตที่ดี และไม่วิตกกับสถานการณ์โควิด-19 มากเกินไป

อ. 5 “ออกห่าง จากสังคม”
กลุ่มผู้สูงวัยแม้จะไม่ค่อยได้ออกจากบ้านไปไหนมาไหน แต่ก็มีโอกาสติดเชื้อจากคนในบ้านที่ไปข้างนอกแล้วนำเชื้อเข้ามาได้เช่นกัน
ดังนั้น ทุกครั้งที่กลับเข้าบ้าน ต้องรีบล้างมือ อาบน้ำ แล้วค่อยเข้าไปทักทายผู้ใหญ่ในบ้าน ควรเว้นระยะห่าง 2 เมตร แต่สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ให้กักตัว 14 วันและห้ามเข้าใกล้ผู้สูงอายุเด็ดขาด
สุดท้าย อ. 6 “อยู่ดูแล”
สำหรับผู้สูงวัยที่ต้องมีคนดูแล ควรเลือกคนดูแลคนเดียวเป็นคนดูแลประจำ หากต้องผลัดกันดูแล ควรจัดสลับกันเป็นรายสัปดาห์ โดยมีการตรวจเช็คแล้วว่า คนที่จะเข้าใกล้ผู้สูงวัย ต้องไม่เป็นกลุ่มเสี่ยง และดูแลความสะอาดได้ดี

ที่มา: สถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ กรมการแพทย์