พาราควอต (Paraquat) และไกลโฟเสท (Glyphosate)

พาราควอต (Paraquat) และไกลโฟเสท (Glyphosate)
เป็นสารกำจัดวัชพืชชนิดหนึ่งที่เกษตรกรนิยมใช้มากที่สุด
เนื่องจากสะดวกสบาย ใช้ได้ง่าย ประหยัดเวลา และประหยัดต้นทุน
กว่าในการจ้างแรงงาน โดยปกติถ้าใช้สารทั้งสองชนิดนี้ในปริมาณน้อย
มักจะไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเนื่องจากไกลโฟเสทสลายตัวด้วยจุลินทรีย์
ที่อยู่ในดินและพาราควอตสลายตัวด้วยแสงแดดจัด

ถึงอย่างไรก็ตาม การสลายตัวของสารทั้งสองชนิดต้องใช้เวลานาน
มากกว่า 3 สัปดาห์ จึงจะหมดความเป็นพิษ และต้องไม่มีการเติมสารลงมา
ในพื้นที่นั้นเพิ่มเติมซึ่งจะขัดแย้งกับกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องคอยฉีดสารตลอดเวลา
เพื่อคอยควบคุมวัชพืช ทำให้มีสารเกิดการตกค้างลงสู่ดินมากขึ้น
ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม
ผลกระทบทางอ้อมสารจะทำให้ดินแน่น เสื่อมสภาพ น้ำไม่สามารถซึมผ่านได้
ในช่วงฤดูฝน และเกิดการชะล้างดินที่ปนเปื้อนเหล่านั้นไหลลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ
ในขณะที่ทางตรงจะฆ่าจุลินทรีย์ในดินต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ในดิน รวมถึงแมลง
ที่เป็นผู้ช่วยผสมเกสร แมลงตัวเบียนที่เป็นศัตรูตามธรรมชาติ สัตว์หน้าดิน
หรือแม้แต่ในเด็กทารกแรกเกิด ซึ่งลักษณะนี้ เรียกว่า การออกฤทธิ์ต่อสิ่งมีชีวิต
บริเวณนั้นไม่ใช่เป้าหมาย หรือ Non-target species

จากสาเหตุข้างต้นไม่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเลยที่ว่า ทำไมพื้นที่ที่มีการใช้สารเคมี
ในการเกษตรปริมาณมากๆ ดินถึงเสื่อมสภาพไม่สามารถปลูกพืชได้
หรือผลผลิตของพืชเริ่มลดลง สาเหตุจริงๆ คือ บริเวณนั้นเกิดการหายไป
ของความหลากหลายทางชีวภาพที่เป็นส่วนช่วยให้ระบบนิเวศนั้นอยู่ในจุดสมดุล
เมื่อระบบนิเวศเกิดการรบกวนจากสารกำจัดวัชพืชจนถึงขั้นการล่มสลาย
“พื้นที่บริเวณนั้นจึงไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาเป็นแบบเดิมได้”

ที่มา
https://www.seub.or.th/…/รู้รักษ์ป่า/รู้รักษ์ป่า-สารกำจัดวั/