Mega Trends ใครว่าไกลตัว !!

จับตาแนวโน้มเทรนด์การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกที่ใกล้ตัวกว่าที่คิด

 “…การเติบโตของนวัตกรรมสร้างความคาดหวังและการเปลี่ยนแปลงในสังคม 

การทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงจะสร้างอนาคตใหม่ 

ที่เราเรียกกันว่า “Megatrends”…”

 

ศูนย์วิจัยอนาคตศึกษา ฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ ร่วมมือกับศูนย์วิจัย Arup Foresight and Innovation ประเทศออสเตรเลีย ทำการศึกษาแนวโน้ม Mega Trends ในอีก 30 ปีข้างหน้า หรือ ปี 2050 ที่เป็นตัวกำหนด หรือเป็นการวิเคราะห์สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยวิเคราะห์จากสภาพสังคมโลก และพฤติกรรมมนุษย์ในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น วิถีชีวิตคนในสังคม เศรษฐกิจ การเมือง สิ่งแวดล้อม แต่เมื่อสิ่งเหล่านี้อาจก่อให้เกิดผลกระทบในทุกด้านต่อโลก ไม่ว่าจะเป็นความเปลี่ยนแปลงในด้านที่ดีหรือตรงกันข้ามก็ตาม

แต่..การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ก็เปรียบเสมือนเพื่อนที่จะมาช่วยวิเคราะห์ คาดการณ์อนาคต แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นสำหรับภาคธุรกิจ ผลจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน รวมถึงอาชีพ และแนวทางการทำงานในอนาคตด้วย

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในครั้งนี้ แม้จะดูเหมือนเป็นสิ่งจะเกิดในอีกหลายปีข้างหน้า แต่มีหลายประเด็นที่ได้เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง และเห็นผลกระทบกันบ้างแล้วในปัจจุบัน เพื่อให้เข้าใจกันมากยิ่งขึ้นวันนี้จะขอนำสิ่งจะเกิดการพัฒนาไปสู่ 6 Mega Trends ที่สำคัญ ดังนี้

1. การเติบโตที่ยั่งยืน  (Growing Sustainability)

ต่อจากนี้ไปผลกำไรไม่ได้แสดงถึงความสำเร็จของทุกองค์กรอีกต่อไป จากความตื่นตัวในปัญหาด้านสังคม ไม่ว่าจะเป็นแรงงานผิดกฎหมาย สิทธิมนุษยชน ความปลอดภัย และชีวอนามัย หรือสิ่งแวดล้อมถูกทำลาย ส่งผลให้ทุกองค์กรต้องคำนึงถึงแนวทางการจัดการอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือในทุกระดับภูมิภาค เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ความจริงแล้ว ‘ความยั่งยืน’ นี้เป็นเทรนด์ที่สามารถเกี่ยวโยงได้ในอีกหลากหลายเทรนด์ เช่น อาหารยั่งยืน โมเดลธุรกิจใหม่ เป็นต้น

ขณะเดียวกันในด้านการดำเนินธุรกิจก็ต้องสามารถดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม ที่สามารถทำให้สังคมมั่นใจได้ว่าสินค้า และบริการที่จะซื้อหานั้น มีความเป็นธรรมแก่ผู้บริโภค ไม่ผ่านเอารัดเอาเปรียบทุกรูปแบบและตรวจสอบได้ 

2. การก้าวกระโดดของเทคโนโลยี (Technology Advancement)

ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตของทุกคน รวมทั้งการดำเนินงานต่างๆ ขององค์กร ดังนั้นการนำเทคโนโลยีอันชาญฉลาดเข้ามาใช้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ในยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น AI, Cloud Computing, 3D Printing, การทำให้เครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ สามารถสื่อสารกันได้ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต หรือเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) 

ในส่วนของ อินเทอร์เน็ตนั้นปัจจุบันยังก่อให้เกิดรูปแบบธุรกิจใหม่ เช่น Sharing Economy โดยการแบ่งปันทรัพยากรผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การใช้ Social Media ส่งผลให้ความต้องการในการใช้บริการได้อย่างไร้ขีดจำกัด 

ทั้งยังมีประเด็นเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ หรือ Cyber Security, Big Data Blockchain และเทคโนโลยี 5G การจดจำใบหน้า (Facial Recognition) ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญของการใช้ชีวิต และการทำงานในยุคปัจจุบัน จึงเป็นที่ชัดเจนแล้วว่ายุคนี้และในอนาคต จะกลายเป็นยุคที่มนุษยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีด้วยความเร็วที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้มองว่าเศรษฐกิจในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะถูกขับเคลื่อนจากแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างสมบูรณ์แบบ

3. ความเป็นเมือง (Urbanization)

เมืองใหญ่ในประเทศต่างๆ ที่มีการเจริญเติบโตและพัฒนาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จะขับเคลื่อนความก้าวหน้าในอนาคต เมื่อประชาชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเมือง ก็จะมีธุรกิจมากมายเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริการด้านสุขภาพ อาหาร การบริการต่างๆ ก็จะขยายตัวตามประชากรเพื่อรองรับการดำเนินชีวิต ไม่เว้นแม้แต่สถานที่ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ออฟฟิศ และที่พักอาศัย จนส่งผลต่อการลงทุนสร้างระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มขึ้น แนวคิดเกี่ยวกับการฟื้นฟูเมืองถูกนำกลับมาพูดใหม่อย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น เช่น แนวคิดเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และแนวคิดการสร้างความสมดุลระหว่างแหล่งงานและที่อยู่อาศัย (Job and Housing Balance) ความปลอดภัย คุณภาพชีวิต ทั้งหมดนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องของ Urbanization หรือความเป็นเมืองนั้นเอง

4. Industry 5.0 คนทำงานร่วมกับ AI 

ภายใต้การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (4IR) เกิดเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างนาโนเทคโนโลยี ไบโอเทคโนโลยี Internet of Things  และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตลอดจนเทคโนโลยีเกิดใหม่อีกมากมาย จะกำหนดพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนเรา 

เราจะเข้าสู่ยุคที่เครื่องจักร และหุ่นยนต์สามารถสื่อสารกันเอง และสร้างระบบการผลิตที่ไม่ต้องพึ่งแรงงานมนุษย์เลย เครื่องจักรจะสร้างเครื่องจักรด้วยกันเอง และเป็นไปได้ว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะมีจำนวนหุ่นยนต์มากกว่าคนเสียอีก หรือแรงงานคนยุคต่อไปคือการทำงานร่วมกับ AI นั่นเอง ทุกกิจกรรมและความเคลื่อนไหวบนโลกออฟไลน์จะถูกแปรเป็นข้อมูลดิจิทัล ภาพเสมือนจริงจากเทคโนโลยี Virtual Reality จะทับซ้อนกับความเป็นจริงจนแทบแยกกันไม่ออก ยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติจะทำให้การขนส่งเดินทางและระบบโลจิสติกส์เป็นไปอย่างสะดวกราบรื่น

5.  Aging Society, Health and wellness 

จากข้อมูลในปี 2562 โลกของเรามีประชากรผู้สูงอายุมากกว่า 900 ล้านคน และมีการประเมินว่าจำนวนประชากรในอีก 5-10 ปีข้างหน้า จะมีการปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจมีจำนวนถึง 8.5 พันล้านคนในปี 2030 และผู้คนจะมีชีวิตยืนยาวมากขึ้น อันเป็นผลจากการให้ความสำคัญด้านสุขภาพ และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี การให้ความสําคัญกับคุณภาพชีวิตของมนุษย์ที่ลึกซึ้งมากขึ้น โดยคํานึงถึงมุมมอง 3 ด้าน ได้แก่ ร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ สุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี จะต้องมีครบทั้ง 3 ด้านนี้ แนวโน้มนี้จะทําให้เกิดการพัฒนาด้านวิทยาการทางการแพทย์และสุขภาพต่างๆ ส่งผลให้งานด้านการแพทย์ สุขภาพกายและจิตใจ และความเป็นอยู่ที่ดีเติบโตและเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ภัยคุกคามจากการอุบัติใหม่ของโรค ก็เป็นประเด็นด้านสุขภาพใหม่ที่ทั่วโลกตระหนักมากขึ้น

6. การเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทานโลก (Micro Supply Chain) 

แรงขับเคลื่อนที่ทำให้เกิดแนวโน้มนี้ มาจากความก้าวหน้าของ Digital Network ที่ทำให้การสื่อสาร และการขนส่งทั่วโลกไร้รอยต่อ รวมถึงความพยายามในการใช้ทรัพยากรอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้เกิดรูปแบบการดำเนินธุรกิจที่สามารถจัดหาสิ่งต่างๆ ที่ต้องการ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หรือปริมาณเท่าใดบนโลกใบนี้ได้โดยง่าย การผลิตในอนาคตจะสามารถปรับเปลี่ยนสายการผลิตได้อย่างรวดเร็วตามความต้องการของลูกค้า และสามารถผลิต small lot หาวัตถุดิบได้จากซัพพลายเออร์ทั่วโลก เรียกได้ว่า นั่งอยู่ที่บ้านก็สั่งผลิตสินค้าจากโรงงานในต่างประเทศได้โดยที่แทบไม่ต้องเดินทางไปถึงที่

จาก 6 Mega trend ที่ทางเราสรุปให้เหล่านี้จะเห็นว่า ทั้งหมดมีการเชื่อมโยงกันในแง่มุมต่างๆ ทั้งด้านของเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม ด้วยเหตุนี้ Mega Trends จึงเป็นเพียงการประเมินในภาพกว้าง และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งส่งผลต่ออาชีพในอนาคต การดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ และอุตสาหกรรม จึงอยากจะให้ทุกคนการเตรียมพร้อมกับแนวโน้มดังกล่าวเป็นการตั้งรับ ซึ่งก็ต้องดำเนินการเพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลง 

เพราะเหตุนี้เองสมาคมเพื่อนชุมชน จังหวัดระยอง จึง ได้จัดโครงการแนะแนวการศึกษา เพื่อนชุมชนคนอาชีวะ CPA V-Camp ปีที่ 4 เกาะกระแส Mega Trends สายอาชีพมาแรง อนาคตไกล ได้งานชัวร์

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้น้องนักเรียน นักศึกษาและคนในชุมชน ได้เปิดวิสัยทัศน์ด้านการศึกษา ได้ความรู้ และแนะแนวการศึกษาที่สอดคล้องกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก (Mega Trends) ตลอดจนแผนการพัฒนาทักษะบุคลากรตามแนวทาง EEC ให้กับครูแนะแนว ครูฝ่ายวิชาการ และนักเรียน ในจังหวัดระยอง และจังหวัดใกล้เคียง ในวันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2565 ณ วิทยาลัยเทคโนโลยีไออาร์พีซี จ.ระยอง พร้อมกับผ่านระบบออนไลน์โดยโปรแกรม Zoom และไลฟ์สดผ่านทาง Facebook Live ทางเพจ สมาคมเพื่อนชุมชน

นอกจากนี้อย่างลืมติดตามกิจกรรมและบทความดีๆ ที่จะพาทุกคนไม่ตกเทรนด์และ ปรับตัวให้เข้ากับสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงในอนาคตต่อไปได้ที่ https://www.community.or.th/ เพื่อนชุมชน – บ้านเราน่าอยู่ สังคมยั่งยืนนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก

bangkokbanksme

futuretrend