เค็ม กินเเล้วอ้วนไม่รู้ตัว!!

สิ่งที่เรารับรู้กันเป็นพื้นฐานคือ กินเค็มไม่ดีเพราะเสี่ยงกับการเป็นโรคไต กินหวานมากไปก็เสี่ยงทั้งโรคหัวใจ เบาหวาน น้ำหนักเกิน ฯลฯ แต่รู้ไหมว่าเรื่องน้ำหนักเกินไม่ได้มาจากการกินหวานเพียงอย่างเดียว เพราะกินเค็มมากไปก็รอบเอวเพิ่มได้ และยังทำให้ตัวบวมน้ำอีกด้วย

เหตุผลที่ว่าทำไมกินเค็มถึงเสี่ยงต่อการมีน้ำหนักเกิน นั่นเป็นเพราะว่ารสเค็มเป็นรสที่ส่งผลต่อการกินมากที่สุด โดยรสเค็มจะเป็นตัวเร่งให้สมองเราผลิตสารโดปามีนที่ทำให้เรามีความสุข และพึงพอใจกับการกิน ทำให้เราอยากกินอาหารมากขึ้น ยิ่งถ้าเป็นคนติดรสเค็มด้วยแล้ว เพียงแค่นึกถึงรสชาติก็จะทำให้เราอยากกินขึ้นมาจนกินมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการพลังงาน จึงทำให้เสี่ยงต่อภาวะน้ำหนักเกินได้ และในบางคนก็ส่งผลให้ร่างกายบวมน้ำ ซึ่งจะแสดงออกผ่านการมีท้องป่อง หน้าบวม แขนบวม อาการเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะว่าอาหารรสเค็มนั้นมีส่วนประกอบของโซเดียมสูง ร่างกายเราจึงต้องเก็บกักน้ำเอาไว้เพื่อใช้ละลายโซเดียม เป็นที่มาว่าทำไมเราถึงตัวบวมนั่นเอง

เราเสพติดความเค็มหรือยัง?

ถ้าอยากรู้ให้สังเกตตัวเองดูก่อนเป็นอันดับแรก ก้มดูท้องว่าป่องหรือเปล่า ส่องกระจกแล้วรู้สึกหน้าตัวเองบวมมั้ย แล้วแขนล่ะเป็นยังไง เวลาที่นึกถึงรสเค็มแล้วเรารู้สึกอยากกินหรือเปล่า รวมถึงดูพฤติกรรมการกินว่าชอบกินอาหารแปรรูปจำพวกไส้กรอก แฮม ขนมขบเคี้ยวกรุบกรอบแสนอร่อยที่อุดมด้วยโซเดียม เป็นคนกินอาหารรสจัด และชอบปรุงก่อนกินด้วยการเติมน้ำปลาหรือเหยาะซอสก่อนกินหรือเปล่า ถ้าหากว่าใช่ สันนิษฐานได้ว่าคุณกำลังติดรสเค็มเข้าแล้วล่ะ

และถ้ารู้ตัวว่าตัวเองเข้าข่าย ไม่อยากตัวอ้วนหรือตัวบวมเพราะกินเค็มมากไป ควรปรับพฤติกรรมด้วยการกินอาหารสดจากธรรมชาติจำพวกผัก ผลไม้ ลดการดื่มน้ำผลไม้ที่บางชนิดมักเติมเกลือเพื่อให้รสชาติกลมกล่อมขึ้น และท่องไว้ว่ายังไงน้ำเปล่าก็ดีที่สุด ลดการเติมเครื่องปรุงหรือปรุงรสให้เค็มน้อยเข้าไว้ ซึ่งแก้ได้โดยการชิมก่อนปรุง และเมื่อจะซื้ออาหารทุกครั้ง อ่านฉลากสักนิดว่าสินค้านั้นโซเดียมสูงเกินไปหรือเปล่า หรือเลือกสินค้าที่แปะป้ายว่า Low Sodiumไปเลยก็อาจจะง่ายขึ้นต่อการตัดสินใจ

ค่อยๆ ปรับนิสัยการกินใหม่โดยไม่ต้องหักดิบและเรายังอร่อยอยู่ ด้วยการให้ลิ้นค่อยๆ ปรับตัวจนชินกับรสชาติที่เค็มน้อยกว่าเดิม

ลองทำดู เราทำได้!แน่นอน

ขอบคุณที่มา สสส.